รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “นิธิพัฒน์ เจียรกุล”ระบุว่า…
ยังคงไปไม่ถึงพีคสำหรับตัวเลขวันนี้ แม้ในหลายจังหวัดจะดีขึ้น แต่ต้องรอดูผลหลังจากพรุ่งนี้ที่จะมีมาตรการผ่อนคลายการดื่มสุราในร้านอาหารเพิ่มขึ้นอีก อีกพื้นที่หนึ่งที่น่าเป็นห่วงคือ แซนด์บอกซ์ ภูเก็ต-กระบี่-พังงา ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังทรงตัวไม่ยอมลดเหมือนจังหวัดอื่นๆ เป็นผลจากคนไทยที่เข้าไปทำงานรวมถึงคนในพื้นที่ที่ออกมาให้บริการนักท่องเที่ยว
แต่ถ้าดูสถิติการเสียชีวิตของทั้งประเทศยังไม่เห็นการเพิ่มขึ้นชัด ตั้งแต่หลังปีใหม่มาผู้เสียชีวิตมักเป็นผู้ป่วยเปราะบางที่ไม่ได้รับวัคซีนหรือได้ไม่ครบ ไม่ว่าจะเป็นทั้งจากโอไมครอนที่เป็นตัวหลัก และจากเดลต้าที่ยังพอมีเหลืออยู่บ้างเป็นกระสาย สำหรับวัคซีนที่ช่วยกันตายให้คนไทยนั้น ไม่ว่าจะเป็นประเภทไหน สูตรธรรมดาหรือไขว้ ล้วนปกป้องอาการรุนแรงและการเสียชีวิตจากโอไมครอนในบ้านเราได้ทั้งนั้น
ที่รพ.ริมน้ำ มีผู้ป่วยหญิง 70+ ปี เดิมแข็งแรงดี หลังฉีด 2AZ+1PZ ได้ราวสองสัปดาห์ เกิดอาการปอดอักเสบเฉียบพลันที่ไม่พบเชื้อก่อโรค การสืบค้นภายหลังพบเป็นกลุ่มโรคแพ้ภูมิตัวเอง (autoimmune disease) ที่ทำลายทั้งกล้ามเนื้อและปอด ใกล้กันนี้มีผู้ป่วยชาย 30+ ปี เป็นพาหะไวรัสเดิม หลังฉีด PZ ได้วันเดียว เกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันและหัวใจหยุดเต้น โชคดีว่าแพทย์ช่วยชีวิตไว้ทันและสวนหลอดเลือดหัวใจแก้ไขให้เรียบร้อย แต่ตรวจพบโควิดภายหลังจากฟื้นขึ้นมา โดยมีปริมาณไวรัสน้อย รายที่สาม เป็นชาย 20+ ปี สูบบุหรี่และใช้สารเสพติดหลายอย่าง ได้รับ 2PZ หนึ่งเดือนก่อนเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันต้องสวนหลอดเลือดแก้ไข โดยพบโควิดปริมาณไวรัสน้อยเช่นรายที่สอง
รายที่หนึ่งและรายที่สาม ระยะเวลาที่ได้รับวัคซีนชนิด mRNA เกินสองสัปดาห์ น่าจะมีความสัมพันธ์กับโรคที่เกิดภายหลัง ส่วนรายที่สองหลอดเลือดหัวใจที่อุดตันนั้นไม่เกี่ยวกับวัคซีน แต่น่าจะเป็นภาวะแทรกซ้อนของโควิดเองที่ทำให้เส้นเลือดอุดตันง่ายดังคำอธิบายในรูป สำหรับรายที่สามนั้นแม้จะมีปัจจัยเสี่ยงจากบุหรี่และสารเสพติด แต่การติดเชื้อโควิดน่าจะยิ่งไปเสริมฤทธิ์การเกิดหลอดเลือดอุดตันจากวัคซีนได้ สิ่งนี้ช่วยเน้นย้ำให้เห็นว่า การติดเชื้อในทั้งสองรายที่น่าจะเป็นโอไมครอน แม้จะทำให้ไม่มีอาการ แต่อาจเกิดโรคแทรกซ้อนร้ายแรงในระบบหลอดเลือดได้เช่นทั้งสองรายนี้ จึงไม่ควรปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ติดเชื้อตามธรรมชาติอย่างที่มีคนชักชวน และควรจะรีบไปฉีดวัคซีนเสียให้ครบถ้วน วัคซีนโควิดทุกประเภททุกสูตรปกป้องการเสียชีวิตเราได้ ส่วนผลแทรกซ้อนจากวัคซีนรุนแรง เกิดขึ้นได้น้อยมาก สมควรที่จะมาทำความรู้จักกันไว้
ภาวะหลอดเลือดอุดตันที่เป็นผลจากวัคซีนโควิด เชื่อว่าเป็นผลจากการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานผิดปกติ จากไวรัสที่ใช้ในวัคซีนชนิดไวรัลเวคเตอร์เช่นของแอสตร้า (โอกาสราวหนึ่งในแสน) มีส่วนน้อยที่พบในวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอเช่นของไฟเซอร์ ที่เป็นผลจาก lipid nanoparticle ที่ผสมอยู่ในวัคซีน ถ้าเทียบกับความเสี่ยงของหลอดเลือดอุดตันเมื่อติดเชื้อโควิดเองแล้ว ฉีดวัคซีนเสี่ยงน้อยกว่ากันเยอะ https://www.ncbi.nlm.nih.gov/…/PMC8426137/pdf/main.pdf และ https://www.ncbi.nlm.nih.gov/…/PMC8585488/pdf/main.pdf ในอังกฤษที่มีการรณรงค์ให้ฉีดวัคซีน AZ และ PZ อย่างกว้างขวาง ได้จัดวางระบบเครือข่ายของทุกภาคส่วนเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและให้ความมั่นใจกับประชาชน พร้อมเตรียมแผนการเร่งวินิจฉัยและรักษาภาวะหลอดเลือดอุดตันนี้ให้ทันท่วงที https://www.rcpjournals.org/…/clinme…/21/6/e600.full.pdf
ที่ฮือฮาไม่แพ้กัน คือการเกิดกล้ามเนื้อและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบจากการแพ้ภูมิตัวเอง ซึ่งพบในวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ โดยเฉพาะในวัยรุ่นเพศชาย และการฉีดเข็มที่สอง อย่างไรก็ตามพบภาวะนี้น้อยมากเช่นกัน (สี่ในแสนจนถึงหนึ่งในล้าน แล้วแต่เพศและอายุ) https://www.ncbi.nlm.nih.gov/…/pdf/IERV_0_2002690.pdf เกือบทั้งหมดของผู้ป่วยอาการไม่รุนแรง และทั้งหมดจะดีขึ้นภายหลังการรักษา https://jamanetwork.com/…/jamainter…/fullarticle/2784800
ที่ไม่หนักแต่ไม่มีใครอยากให้เกิด เพราะมันทำให้สูญเสียความมั่นใจด้านรูปลักษณ์ คือ ภาวะผมร่วงเป็นหย่อม (alopecia areata) พบได้ทั้งจาก PZ และ AZ โดยน่าจะพบได้น้อยมากจนไม่แน่ใจว่าเป็นผลจากวัคซีนหรือเป็นเหตุบังเอิญกันแน่ https://onlinelibrary.wiley.com/doi/epdf/10.1111/jocd.14581
สำหรับโรคแพ้ภูมิตัวเองอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด ได้แก่ ต่อมไทรอยด์เป็นพิษหรืออักเสบ https://www.ncbi.nlm.nih.gov/…/40618_2022_Article_1739.pdf
ตับอักเสบ https://www.ncbi.nlm.nih.gov/…/PMC8580815/pdf/main.pdf
เส้นประสาทอักเสบ https://www.pagepressjournals.org/…/art…/view/10111/9839
และอื่นๆ อีกมากมาย https://onlinelibrary.wiley.com/doi/epdf/10.1111/imm.13443 โดยยังอาจจะมีอีกหลายโรคหรือภาวะที่เกิดจากการแพ้ภูมิตัวเอง เพียงแต่แพทย์ยังไม่ได้เชื่อมโยงกับการฉีดวัคซีนโควิด สำหรับข้อสันนิษฐานในเชิงวิชาการถึงกลไกการเกิดความผิดปกติ อาจเกี่ยวข้องกับระบบการทำงานของ age-associated B cells (ABCs) https://www.ncbi.nlm.nih.gov/…/PMC86…/pdf/APL-9999-0.pdf
ทั้งนี้ปัจจุบันเชื่อกันว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นผลจากส่วนประกอบในวัคซีน ไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของตัวเราให้ทำปฏิกิริยาต่อเนื้อเยื่อตัวเอง ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเองอยู่แล้วแต่วัคซีนเป็นตัวเร่ง หรือ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่จากส่วนประกอบของวัคซีน แต่ด้วยความที่พบน้อยมากและแพทย์รู้จักความผิดปกติเหล่านี้มากขึ้น จึงมักไม่เกิดอันตราย และไม่ควรเป็นข้อกังวลที่จะไม่เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด ไม่ว่าจะเป็นเข็มใดๆ หรือสูตรใดๆ ก็ตาม รวมถึงในเด็ก 5-11 ปี ที่บ้านเรากำลังจะระดมฉีดเร็วๆ นี้