“วันวิชิต” เชียร์ “ภูมิใจไทย” ดัน “ภาษีบ้านเกิดเมืองนอน” ชี้ ถึงเวลากระจายภาษีลงท้องถิ่น หมดยุคการพัฒนาแบบกระจุกตัว
เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต ให้ความเห็นต่อเรื่องของ “ภาษีบ้านเกิดเมืองนอน” ที่พรรคภูมิใจไทย ประกาศ หาเสียง ระหว่างเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ที่จังหวัดกระบี่ ระบุว่า เรื่องนี้ อาจจะเป็นของใหม่สำหรับประเทศไทย แต่กับชาวโลก ภาษีในลักษณะนี้ มีที่ญี่ปุ่น ใช้กันมานานแล้ว ของไทย เท่าที่ฟังมา เป็นการให้ประชาชนสามารถเลือกได้ว่า 30% ของภาษีที่ต้องจ่ายเข้ารัฐ จะต้องไปลงที่จังหวัดไหน
โดยเชื่อกันว่า น่าจะเลือกให้ไปลง ณ ถิ่นฐานบ้านเกิดกัน ก็เป็นหลักปฏิบัติเดียวกับที่ญี่ปุ่นกำลังใช้อยู่ แต่ของญี่ปุ่น หลังจากมอบภาษีให้พื้นที่ไหนแล้ว ทางท้องถิ่นจะต้องจัดของสมนาคุณกลับมาให้ผู้จ่ายภาษีด้วย มีตั้งแต่ตัวด้วง เมล่อน ถึงเนื้อวากิว แตกต่างกันไป ของญี่ปุ่น ใช้เรื่องนี้ในการโฆษณาผลิตภัณฑ์พื้นที่ไปในตัว
“ของไทย เท่าที่ฟังพรรคภูมิใจไทยหาเสียงยังไม่ไปถึงขั้นนั้น แต่นับว่า เป็นไอเดียที่ดีมาก นี่คือ การกระจายงบประมาณอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งยังให้ประชาชนมีส่วนร่วม เชื่อว่า นโยบายนี้ น่าจะเพิ่มงบให้ท้องถิ่น ในการจัดการตัวเอง ซึ่ง ถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ยกตัวอย่างเช่น จังหวัดกระบี่ พังงา ทำรายได้ให้ประเทศอย่างมหาศาล แต่กลับมีงบลงไปยังท้องถิ่นอย่างจำกัดจำเขี่ย มันไม่ยุติธรรม นโยบายนี้ จะเป็นการกระจายงบให้พื้นที่ และกระจายอำนาจให้ประชาชนได้ตัดสินใจ” ผศ.วันวิชิตกล่าว และว่า
คนไทยตามจังหวัดต่างๆ เข้ามาหากินตามเมืองใหญ่ นี่คือ การทิ้งบ้านเกิด เข้ามาเป็นเครื่องจักรอุตสาหกรรม ให้ประเทศไทย นี่คือคุณค่าของของแรงงานต่างจังหวัด ที่ผ่านมา เงินภาษีจากคนเหล่านี้ ถูกนำไปใช้ โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่า เงินนั้นจะไปใช้ที่ไหน ใช้อย่างไร แต่เมื่อนโยบายภาษีบ้านเกิดเมืองนอนของพรรคภูมิใจไทย ทำได้ เขาจะรู้แล้วว่า เงินภาษีของเขาจะได้กลับไปพัฒนาพื้นที่ตามที่เขาต้องการให้เป็น มั่นใจว่า คนร้อยเอ็ด คนนครศรีธรรมราช คนน่าน คนจังหวัดไหนก็ตาม เขาอยากส่งเงินกลับบ้านเขา ในอดีต เขาส่งเงินคืนแก่ครอบครัว ช่วยเหลือได้เฉพาะครอบครัว แต่มันไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างความเจริญเลย ยังต้องมีคนจากบ้าน มาทำหากินในเมืองกรุงเหมือนเดิม
แต่ถ้านโยบายของพรรคภูมิใจไทย ทำสำเร็จ เขาจะได้ส่งเงินคืนแก่จังหวัดของเขาด้วย มันเป็นสเกลที่ใหญ่โตกว่าเดิม มันจะเป็นงบในการพัฒนาจังหวัด ที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำของประเทศ เราจะเห็นจังหวัดต่างๆ เจริญขึ้น และคนในพื้นที่ ก็ไม่ต้องทิ้งบ้าน มาทำงานในเมืองใหญ่ หรืออาจจะมีอัตราส่วนน้อยลง จากที่อดีตเอะอะเงินก็ไปตกอยู่กับเมืองใหญ่หมด ในอนาคตเราจะเห็นเมืองรองอย่างร้อยเอ็ด พิจิตร อ่างทอง พังงา ได้มีงบเข้ามาเพิ่มขึ้น
นี่คือเรื่องที่น่าสนับสนุนมาก
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่