“บิ๊กป้อม” ปัดต่อสายตรงล็อบบี้ ส.ส.พปชร.ออกจากห้องประชุมสภา “พรเพชร” ควักพระสาบาน พักเบรก 2 นาทีเข้าห้องน้ำ ไม่ได้รับออเดอร์ใครทำสภาล่ม “ชวน” ถกวิป 3 ฝ่ายเคาะประชุมกม.ลูกเลือกตั้ง ส.ส.อีกครั้ง 15 ส.ค.นี้ “คณะทำงาน ปธ.รัฐสภา” บอกหากองค์ประชุมไม่ครบอีกสมาชิกต้องรับผิดชอบ “ภท.” เตรียมลงหาเสียง จ.พังงา “จุรินทร์”มั่นใจรักษาพื้นที่ได้ เชื่อเลือกตั้งครั้งหน้าภาคใต้ได้ ส.ส. 35-40 ที่นั่ง
ที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน วันที่ 11 สิงหาคม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวปฏิเสธถึงกระแสข่าวโทรศัพท์สายตรงถึง ส.ส.พปชร.ไม่ให้เข้าร่วมประชุมสภาเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา พร้อมย้อนถามกลับว่า “ฉันโทร.ที่ไหน ประชุม สมช.ทั้งวันจนถึง 4 โมงเย็น”
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงเรื่องสภาล่มว่า พรรค ปชป.ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในฐานะสมาชิกรัฐสภา และได้เข้าร่วมประชุมพร้อมเพรียง และหากจะมีการนัดประชุมอีกครั้ง ก็พร้อมที่จะเข้าร่วมประชุมเพื่อทำหน้าที่
ถามว่า นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ เสนอให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ นัดประชุมในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ นายจุรินทร์กล่าวว่า ยังมีเวลาไปจนถึงวันที่ 15 ส.ค.นี้ ซึ่งได้มอบหมายวิปไปแล้วว่าหากเจรจากันว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับประธานรัฐสภาจะหารือกับวิปสามฝ่ายอย่างไรและผลออกมาเป็นอย่างไร ต้องปฏิบัติไป
เช่นเดียวกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงเรื่องสภาล่มว่า ตนและพรรค ภท.อยู่ร่วมประชุมรัฐสภาตลอด แต่ในส่วน ส.ส.บางคนมาลงชื่อเข้าร่วมประชุม แต่เมื่อถึงเวลากลับไม่อยู่ ก็ถือเป็นเอกสิทธิ์ของผู้แทนฯ ทุกคน ซึ่งประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินว่าผู้แทนฯ ทำผิดหรือถูก ถ้าเห็นว่าผิด ประชาชนก็ไม่เลือกกลับมา แต่ถ้ามั่นใจว่าเป็นสิ่งที่ถูก เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ก็เลือกกลับมา เราอย่าไปสร้างความขัดแย้งอะไรระหว่างกัน ต้องเคารพเรื่องเอกสิทธิ์
ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่…) พ.ศ…. รัฐสภา กล่าวว่า การที่การประชุมรัฐสภาล่ม 3 ครั้งติดนั้น ตนได้เตรียมยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.เพื่อตรวจสอบ ส.ส., ประธานรัฐสภา และรองประธานรัฐสภา กรณีฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ เพราะได้สะท้อนว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ตรงไปตรงมาของสมาชิกรัฐสภาจำนวนหนึ่ง รวมถึงตั้งข้อสังเกตว่ามีสมาชิกรัฐสภาตั้งใจขาดประชุมหรือไม่ หรือประธานรัฐสภาตั้งใจที่จะทำให้การพิจารณากฎหมายไม่เสร็จภายในกรอบ 180 วันหรือไม่
พรเพชรสาบานไม่มีใบสั่ง
อย่างไรก็ตาม นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา แถลงถึงเรื่องสภาล่มว่า ในตอนที่นับประชุมองค์สำหรับการประชุมนั้น มีองค์ประชุมครบ แต่เมื่อถึงการลงมติเขาไม่เป็นองค์ประกอบของการประชุม ประธานก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปบอกให้เขาทำอะไร ซึ่งหากเขาทราบดีว่าวันประชุมเหลือวันเดียวคือ 15 ส.ค. และวุฒิสภานัดประชุมกันอยู่ ซึ่งวุฒิสภาเขาก็บอกว่ามีร่างกฎหมายอยู่มากที่บรรจุในวาระแล้ว หากมีการไปประชุมร่วม และสมาชิกไม่แสดงตนเป็นองค์ประชุม จนทำให้สภาล่มอีกครั้ง กฎหมายที่อยู่ในวาระของวุฒิสภาก็จะเสียหาย
“กฎหมายบางฉบับที่ระยะเวลากำหนดไว้ ซึ่งทางวุฒิสภาจะชี้แจงกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร อีกครั้งว่าหากไปไม่ไหวจริงๆ ผมเกรงว่าทางสมาชิกวุฒิสภาจะไม่ร่วมมือหรือไม่ร่วมประชุมอะไรก็ตาม ผมไม่ทราบ แต่ผมก็ต้องมา แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งไปโฟกัสจุดนั้น ผมขอไปพูดกับนายชวนก่อน” นายพรเพชรกล่าว
ถามถึงการพักการประชุม 2 นาทีก่อนที่สภาจะล่มจนหลายคนสงสัย นายพรเพชรกล่าวว่า ตนนั่งประชุมมาเกือบ 4 ชั่วโมง ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจะต้องนั่งประชุมไปอีกนานเท่าไหร่ จึงต้องหาโอกาสที่เหมาะสมในการเข้าห้องน้ำ จึงพักการประชุม และมีบางสื่อกล่าวหาว่าตนพักการประชุมเพื่อไปรับคำสั่งหรือโทรศัพท์หาผู้ใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ นายพรเพชรได้ควักพระจากเสื้อด้านในและพนมมือขึ้น พร้อมกล่าวว่า “ผมขอสาบานต่อหน้าพระพุทธรูปบูชาของผมและพระสยามเทวาธิราชที่ประดิษฐานประจำสภาแห่งนี้ ว่ากิจกรรมที่ผมไปห้องน้ำ มีเพียงปัสสาวะอย่างเดียวเท่านั้น และรีบกลับมาทันที หากผมทำตามที่ถูกกล่าวหา ขอให้ความวิบัติจงมีกับผมตลอดไป ผมไม่สาบาน แต่เรื่องนี้ต้องสาบาน เพราะเรื่องนี้จะไม่จบ”
ที่รัฐสภา นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะทำงานประธานรัฐสภา แถลงถึงการดำเนินการต่อร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.หลังจากนี้ว่า ถ้าพิจารณาไม่แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ส.ค.นี้ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 132 กำหนดให้กลับไปใช้ร่างของ ครม.ที่เสนอมา คือสูตรหาร 100 ดังนั้น ในนามประธานรัฐสภา ซึ่งได้พูดเสมอว่ารัฐสภารับใช้สภาและพี่น้องประชาชน นายชวนจึงกำหนดให้มีการประชุมร่วมรัฐสภาอีกครั้งในวันที่ 15 ส.ค.นี้ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ว่ารัฐสภาภายใต้การนำของประธานรัฐสภาได้พยายามอย่างยิ่งที่จะพิจารณากฎหมายให้แล้วเสร็จ
“ส่วนองค์ประชุมหากไม่ครบอีก สมาชิกจำเป็นต้องรับผิดชอบการกระทำ และตอบคำถามสังคม แต่ในส่วนของรัฐสภา ต้องทำหน้าที่ให้เต็มที่ โดยจะออกหนังสือเชิญประชุมวันนี้ (11 ส.ค.) เพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับที่ต้องออกหนังสือเชิญก่อน 3 วัน และวันนี้นายชวนได้นัดประชุมวิป 3 ฝ่ายเพื่อหารือถึงกรอบร่วมกัน” คณะทำงานประธานรัฐสภาระบุ
15ส.ค.ถก‘กม.ลูก’อีกเฮือก
ต่อมา นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุมวิป 3 ฝ่ายว่า เมื่อเวลา 12.00 น. นายชวนได้เชิญวิปทั้ง 3 ฝ่ายคือ วิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน และวิปวุฒิสภา มาประชุมร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่…) พ.ศ…. รัฐสภา ที่มีปัญหาอยู่ ซึ่งวันที่ 15 ส.ค. จะครบกรอบระยะเวลา 180 วันที่รัฐสภาจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จ ทั้งนี้ ที่ประชุมวิป 3 ฝ่ายจึงมีมติให้ประชุมในวันที่ 15 ส.ค. เวลาตั้งแต่ 09.00 น. เป็นต้นไป
ถามว่า หากยังล่มอีกจะต้องทำอย่างไร นพ.สุกิจกล่าวว่า ต้องเป็นไปตามธรรมชาติ หากองค์ประชุมไม่ครบก็ไม่สามารถประชุมได้ อย่างไรก็ตาม อย่าเพิ่งคิดไปก่อน เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้
ซักว่า วิปทั้ง 3 ฝ่ายได้มีการรับปากว่าจะดูแลเรื่ององค์ประชุมหรือไม่ นพ.สุกิจ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่วิปจะต้องดูแลเรื่ององค์ประชุม ทั้งนี้ ขอโอกาสขอบคุณวุฒิสภา ซึ่งจริงๆ แล้วในวันที่ 15 ส.ค. ทางวุฒิสภาได้กำหนดวาระการประชุมที่สำคัญ และเสียสละให้มีการประชุมร่วมรัฐสภา เพราะเห็นถึงความสำคัญและความจำเป็นเรื่องเวลา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการรัฐสภา ได้ออกหนังสือลงวันที่ 11 ส.ค. เรื่องการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ระบุว่า ด้วยประธานรัฐสภาได้มีคำสั่งให้นัดประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 14 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) ในวันจันทร์ที่ 15 ส.ค.2565 เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา จึงเรียนมาเพื่อทราบ และขอเชิญสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ไปประชุมร่วมกันตามกำหนดวันและเวลาดังกล่าวข้างต้น
วันเดียวกัน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เตรียมลงพื้นที่จังหวัดพังงาหาเสียงว่า พรรคการเมืองไหนก็ไปได้ เหมือนพรรคประชาธิปัตย์ที่ไปได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ เมื่อถึงเวลาที่จะต้องมีการเลือกตั้ง ก็แข่งขันกันตามวิถีทางประชาธิปไตยไม่มีปัญหา
ถามว่า พรรคภูมิใจไทยตั้งเป้า ส.ส.ในภาคใต้จำนวนมาก พรรค ปชป.เตรียมพร้อมอย่างไร นายจุรินทร์กล่าวว่า ทุกพรรคมีสิทธิ์ตั้งเป้าทั้งนั้น โดยพรรค ปชป.มั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าตั้งเป้า ส.ส.เฉพาะภาคใต้จะได้ 35-40 ที่นั่ง และไม่ได้ไกลเกินความฝันที่จะทำไม่ได้
ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การลงพื้นที่ภาคใต้ช่วงเสาร์-อาทิตย์นี้ เราก็ตั้งความหวังจะได้ ส.ส. และก็จะทำให้สุดฝีมือ ทำเต็มที่ และถ้าเราทำเต็มที่แล้ว ไม่ได้ตามที่หวังก็ไม่เสียใจ เพราะเราทำเต็มที่แล้ว
ถามว่า การลงพื้นที่ จ.พังงา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องสู้เต็มที่เลยใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ใครก็ไป จ.บุรีรัมย์ได้ ใครก็ไป จ.อุทัยธานีได้ เราแย่งกันรับใช้ประชาชน ไม่เป็นไรหรอก ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว เมื่อถามว่าแข่งกันได้ไม่ใช่ศัตรูกันใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มี เมื่อถามว่า อนาคตยังจับมือกันได้ใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า การแข่งกันในพื้นที่เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
ถามว่า ที่ผ่านมามีชื่อของนายอนุทินเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีด้วย รู้สึกอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า ชื่อตนเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมาตั้งแต่ปี 2562 แล้ว ซึ่งคนเป็นหัวหน้าพรรคก็ต้องพร้อมเป็นนายกฯ
ส่วนนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ว่าที่หัวหน้าพรรคเทิดไท กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินการก่อตั้งพรรคเทิดไทว่า ทางกลุ่มสมาชิกอดีตหมู่บ้านเสื้อแดงนำโดยตน มอบทีมงานนายอานนท์ แสนน่าน ไปยื่นขอจดทะเบียนกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว ต้องรอให้ทาง กกต.รับจดจัดตั้ง พรรคเทิดไทถึงจะเริ่มกระบวนการต่างๆ ตามกฎหมายได้
“พรรคเทิดไทมีทุนเดิมอยู่แล้วจากหมู่บ้านเสื้อแดงทั้งประเทศไทย 28,850 หมู่บ้าน ปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชน สมาชิกเก่ากว่า 5,000,000 คน ซึ่งคาดหวังว่าจะมาอยู่กับเราประมาณ 3,000,000 คน และเชื่อว่าน่ามีมาจากกลุ่มคนเสื้อเหลืองและกลุ่มคนรักสถาบันอีกไม่น้อยเช่นกัน” นายเสกสกลกล่าว.