วันที่ 18 มิถุนายน 2564 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีวาการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า หลังจากที่ประชุม ศบค. เห็นชอบหลักการเปิดฟื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต วันที่ 1 ก.ค. 2564 และจังหวัดสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า) เริ่มวันที่ 15 ก.ค. 2564 ซึ่งแผนการดำเนินการทั้งหมดทางกระทรวงฯ จะนำเสนอต่อที่ประชุม ครม. เห็นชอบในวันที่ 22 มิ.ย.นี้ หลังจากนั้นจึงประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยในวันที่ 25 มิ.ย.จะลงพื้นที่ไปตรวจสอบความพร้อมขั้นสุดท้ายอีกครั้ง ก่อนที่นายกรัฐมนตรี และคณะจะเดินทางไปวันที่ 1 ก.ค.2564 เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวคนแรกที่เดินทางเข้ามาภูเก็ตด้วย
ด้าน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาภูเก็ตในช่วงแรกน่าจะมีไม่มาก ประมาณเดือนละ 1-2 หมื่นคน แต่จะค่อย ๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าให้ภูเก็ตเป็นโมเดลให้กับหลาย ๆ พื้นที่นำร่องที่จะเปิดตามมาในช่วงเดือนสิงหาคม คือเกาะพีพี เกาะไหง และไร่เลย์ ของจังหวัดกระบี่ เช่นเดียวกับเขาหลัก และเกาะยาว ในจังหวัดพังงา ส่วนเดือนกันยายนจะมีพื้นที่อื่น ๆ อีก 3 แห่ง คือ จังหวัดเชียงใหม่ ครอบคลุม อำเภอเมือง แม่ริม แม่แตง และดอยเต่า จังหวัดชลบุรี ครอบคลุม เมืองพัทยา ใน 2 อำเภอ คือ บางละมุง และสัตหีบ และจังหวัดบุรีรัมย์ ครอบคลุมอำเภอเมือง และสนามช้างอารีนา เพื่อรับการแข่งขันโมโตจีพี และในช่วงเดือนตุลาคม จะเปิดกรุงเทพฯ ชะอำ และหัวหิน ต่อไป
โดยวันนี้ (18 มิ.ย.) ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ได้เห็นชอบหลักการเปิดพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 และ จ.สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) ในลำดับถัดไป ตามการนำเสนอของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.ชุดใหญ่ ได้มอบนโยบายต่อทิศทางการเปิดประเทศว่า จะต้องค่อยๆ เปิด และจัดความสมดุลระหว่างการป้องกันการติดเชื้อในประเทศ กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
สำหรับหลักการเปิดพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าว ดังนี้ ก่อนเดินทางเข้ามาถึง : ได้กำหนดประเทศของนักท่องเที่ยว เป็นกลุ่มประเทศเสี่ยงต่ำ และเสี่ยงปานกลางตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด และ ททท.เลือกบางประเทศ โดยต้องได้รับวัคซีนครบกำหนด 2 เข็ม (ตามประเภทวัคซีน) อย่างน้อย 14 วัน และมีเอกสารรับรองการได้รับวัคซีน มีผลการตรวจโควิด-19 ภายใน 72 ชม. เป็นต้น
เมื่อเดินทางมาถึง จะต้องติดตั้งแอปพลิเคชั่น “หมอชนะ” เดินทางเข้าที่พัก SHA ด้วยพาหนะที่กำหนด (กรณีเกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า ให้เข้าที่พัก ALQ) จากนั้นต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด เมื่อทราบผลตรวจและไม่พบเชื้อ จึงจะสามารถเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่ภูเก็ตได้ (กรณีเกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า สามารถออกนอกห้องพัก และใช้บริการในบริเวณที่พัก)
ขณะที่ ภูเก็ต นักท่องเที่ยวต้องพำนักในภูเก็ตอย่างน้อย 14 คืน หากอยู่น้อยกว่า 14 คืน จะต้องเป็นกรณีเดินทางออกจากประเทศเท่านั้น ส่วนเกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า ในวันที่ 1-3 นักท่องเที่ยวสามารถออกนอกห้องพัก และใช้บริการในบริเวณที่พักได้, วันที่ 4-7 นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางท่องเที่ยวในระบบปิด ตามเส้นทางที่กำหนดในพื้นที่อำเภอเกาะสมุย, วันที่ 8-14 นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางท่องเที่ยวหมู่เกาะทะเลใต้ เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า ไม่กักตัวแบบมีเงื่อนไข ย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวต้องทำ RT-PCR อีก 2 ครั้ง ในวันที่ 6-7 และ 12-13 และปฏิบัติตัวตามมาตรการสุขอนามัยส่วนบุคลอย่างเคร่งครัด
อีกทั้งก่อนเดินทางออก ทั้งที่ภูเก็ต หรือเกาะสมุย, เกาะพะงัน, เกาะเต่า ไปยังจังหวัดอื่นๆ ให้นักท่องเที่ยวแสดงหลักฐานยืนยันว่าได้พำนักในที่พัก SHA / ALQ ตามระยะเวลาที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด และมีผลการตรวจตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกำหนด