อากาศร้อน แดดจ้า ฟ้าใส เป็นสัญญาณว่าฤดูร้อนได้มาเยือนแล้ว ซึ่งในช่วงนี้เรียกว่าเป็นฤดูท่องเที่ยวของท้องทะเลอันดามันเลยก็ว่าได้ เพราะคลื่นลมในทะเลฝั่งตะวันตกนั้นเริ่มสงบลง เผยให้เห็นความงดงามของน้ำทะเลใสและหาดทรายขาวที่งดงามเลื่องชื่อ
และอีกหนึ่งกิจกรรมยอดฮิตที่เมื่อมาทะเลแล้วจะพลาดไม่ได้คือ การดำน้ำดูปะการัง นั่นเอง ซึ่งหากพูดถึงปะการังและโลกใต้ทะเลที่งดงามแห่งหนึ่งในไทย ที่แม้นักท่องเที่ยวทั่วไปที่ดำน้ำลึกไม่เป็นก็ยังสามารถชมความงามได้ ต้องยกให้ “หมู่เกาะสุรินทร์” แห่งทะเลพังงามาเป็นอันดับต้นๆ โดยถือได้ว่าที่นี่เป็นหนึ่งในแหล่งดำน้ำตื้นที่ดีที่สุดในเมืองไทย
“หมู่เกาะสุรินทร์” อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ในพื้นที่อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา ตั้งอยู่ในทะเลอันดามัน ห่างจากชายฝั่งทะเลบริเวณท่าเรือคุระบุรีประมาณ 60 กิโลเมตร เดินทางด้วยเรือสปีดโบทใช้เวลาประมาณ 1.15 ชั่วโมง
หมู่เกาะประกอบไปด้วยเกาะ 5 เกาะ คือ เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ ซึ่งเป็นสองเกาะใหญ่ และมีเกาะบริวารได้แก่ เกาะรี (เกาะสต๊อร์ค) เกาะไข่ (เกาะตอรินลา) และเกาะกลาง (เกาะปาจุมบา)
หมู่เกาะสุรินทร์เป็นเขตอุทยานทางทะเลที่นักท่องเที่ยวสามารถพักค้างคืนนอนฟังเสียงคลื่นบนเกาะได้ โดยมีให้บริการทั้งบ้านพักและเต็นท์ของอุทยาน หรือจะนำเต็นท์มากางเองก็ได้
สำหรับบ้านพักและที่ทำการของอุทยานฯ จะอยู่ที่ “อ่าวช่องขาด” บนเกาะสุรินทร์เหนือ ซึ่งเป็นเกาะหลักของอุทยานฯ มีบ้านพัก 2 แบบให้เลือกด้วยกัน คือบ้านสินสมุทร สำหรับ 2 คน ราคา 2,000 บาท/คืน และบ้านระกำหวาน สำหรับ 4 คน ราคา 3,000 บาท/คืน ซึ่งบ้านพักทุกหลังของอุทยานฯ จะเป็นห้องแอร์
ที่อ่าวช่องขาดมีชายหาดงามๆ และน้ำทะเลใสแจ๋วที่สามารถลงเล่นน้ำได้ อีกทั้งบนชายหาดยังมีกลุ่มหินเล็กๆ รูปร่างคล้ายหัวไก่ตั้งเด่นเป็นดังสัญลักษณ์ของอ่าวแห่งนี้ โดยจะเรียกกันว่า “หินแม่ไก่” เป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมของที่นี่เลยก็ว่าได้
ส่วนจุดกางเต็นท์จะอยู่ที่ “อ่าวไม้งาม” บนเกาะสุรินทร์เหนือเช่นกัน อ่าวไม้งามเป็นอ่าวขนาดใหญ่ โค้งอ่าวเว้าลึกเป็นรูปตัวยูขนาบด้วยแหลมหินทั้งสองด้าน มีแนวหาดทรายขาวสะอาดงดงามและมีต้นไม้ร่มรื่น โดยระหว่างอ่าวช่องขาดและอ่าวไม้งามสามารถเดินถึงกันได้บนเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติซึ่งมีระยะทางประมาณ 2 ก.ม.
โดยหากนำเต็นท์มากางเองทางอุทยานฯ จะคิดค่าสถานที่คนละ 80 บาท/คืน หรือใครจะเช่าเต็นท์ของทางอุทยานฯ ก็ได้ ราคาหลังละ 450 บาท/คืน และค่าเครื่องนอนชุดละ 60 บาท/คืน สามารถนอนได้ 2-3 คน
และล่าสุดทางอุทยานฯ ได้มีบริการเต็นท์ V.I.P. หลังใหญ่ มีแอร์ เตียง ผ้าเช็ดตัว น้ำดื่ม สำหรับ 2 คน ราคาหลังละ 2,000 บาท (ไม่มีห้องน้ำในตัว) ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก แนะนำให้โทร. จองล่วงหน้า เพราะมี 3 หลังเท่านั้น
กิจกรรมไฮไลต์ของที่หมู่เกาะสุรินทร์ก็คือการออกไปดำน้ำชมปะการังอันสวยงามและชมปลาหลากชนิด โดยหมู่เกาะสุรินทร์วางตัวอยู่ในกลุ่มอ่าวขนาดใหญ่ มีจุดบังคลื่นลมได้ดี จึงเป็นแหล่งกำเนิดแนวปะการังน้ำตื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์และสวยงาม
จุดดำน้ำในหมู่เกาะสุรินทร์มีอยู่หลายจุดด้วยกัน หากใครซื้อแพกเกจดำน้ำมาทางบริษัททัวร์ก็จะจัดจุดดำน้ำตามความเหมาะสมต่อสภาพของคลื่นลมในช่วงนั้นๆ ให้ หรือใครอยากจะมาเที่ยวเองโดยติดต่อเรือกับทางอุทยานฯ ก็ได้เช่นกัน มีค่าเรือคนละ 200 บาท/ครึ่งวัน เหมาละวันละ 4,000 บาท (ครึ่งวัน 2,000 บาท)
ซึ่งจุดดำน้ำตื้นของที่หมู่เกาะสุรินทร์จะมีหลักๆ อยู่ 10 จุดด้วยกัน อาทิ
– อ่าวช่องขาด (อ่าวนีโม) เป็นจุดที่มีปะการังและฝูงปลาหลากชนิด แต่ที่เป็นไฮไลต์ก็คือมีดอกไม้ทะเลอยู่หลายจุดซึ่งเป็นที่อยู่ของปลาการ์ตูนหน้าตาน่ารักที่แหวกว่ายอยู่กลางกอดอกไม้ทะเล จนทำให้หลายๆ คนเรียกอ่าวช่องขาดด้วยชื่อเล่นว่า “อ่าวนีโม” นั่นเอง
– อ่าวแม่ยาย เป็นอ่าวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาอ่าวทั้งหมดของเกาะสุรินทร์เหนือ อ่าวแม่ยายมีชายหาดเล็กๆ ที่ร่มครึ้มไปด้วยป่าดิบเขา โลกใต้ทะเลของอ่าวแม่ยายนี้ก็มีความอุดมสมบูรณ์ มีปะการังหลากชนิดบริเวณกว้าง ทั้งปะการังผักกาด ปะการังจาน ปะการังโต๊ะ ปะการังเขากวาง ฯลฯ
– อ่าวไม้งาม หน้าหาดบริเวณจุดกางเต็นท์ หากว่ายน้ำออกจากฝั่งไปก็จะพบโลกใต้ทะเลที่สวยงาม มีทั้งปะการังโต๊ะ ปะการังโขด ปะการังเคลือบ ฯลฯ และฝูงปลานานาชนิด โดยท่องเที่ยวสามารถดำน้ำตื้นเลียบแนวหินไปจนจรดปลายแหลมทั้งสองได้
– อ่าวสุเทพ ที่นี่ถือเป็นจุดดำน้ำไฮไลต์ของหมู่เกาะสุรินทร์ก็ว่าได้ เป็นอ่าวใหญ่ที่สุดของเกาะสุรินทร์ใต้ บริเวณนี้มีแนวปะการังที่สมบูรณ์กว่า 1,200 เมตร แนวปะการังยาวต่อเนื่องเป็นดังสวนใต้ทะเลที่งดงามยิ่งนัก บริเวณนี้ยังเป็นจุดที่พบสัตว์น้ำที่หลากหลาย อาทิ กุ้งมังกรที่ชอบว่ายน้ำหากินในกอปะการัง เพราะอ่าวนี้ตั้งอยู่ใกล้กับเกาะปาจุมบาซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของกุ้งมังกร
นอกจากนั้นก็ยังมีจุดดำน้ำอื่นๆ อาทิ อ่าวบอน อ่าวสับปะรด อ่าวเต่า หินกองหรือหินแพ เกาะมังกร ฯลฯ ที่ก็มีความงดงามของปะการังและฝูงปลาที่ไม่แพ้กัน
และอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่ไม่ใช่การดำน้ำแต่ก็ต้องไปชมให้ได้ก็คือ “หมู่บ้านมอแกน” ซึ่งตั้งอยู่บริเวณอ่าวบอนของเกาะสุรินทร์ใต้ อ่าวนี้เป็นที่ตั้งของชุมชนชาวมอแกน ชาวเลที่เดิมใช้ชีวิตร่อนเร่กลางทะเลกันมาหลายชั่วอายุคน
ในอดีตที่หมู่เกาะสุรินทร์มีชุมชนชาวมอแกนตั้งอยู่ 2 แห่งคือที่อ่าวไทรเอน เกาะสุรินทร์เหนือ และอ่าวบอน เกาะสุรินทร์ใต้ แต่ภายหลังเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี 2547 บ้านเรือนชาวมอแกนเกิดความเสียหาย ทางอุทยานฯ จึงจัดสรรพื้นที่และรวบรวมชาวมอแกนให้มาอาศัยอยู่ที่บริเวณอ่าวบอนเพียงแห่งเดียว
เรือจอดให้เราขึ้นไปเที่ยวชมหมู่บ้านมอแกนอย่างใกล้ชิด มองเห็นบ้านแต่ละหลังที่ปลูกอยู่ติดกันนั้นสร้างแบบง่ายๆ เป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูง หลังคาและผนังบ้านทำด้วยวัสดุธรรมชาติ นอกจากเดินชมบรรยากาศของหมู่บ้านมอแกนแล้วก็อย่าลืมช่วยสนับสนุนของที่ระลึกเล็กๆ น้อยๆ ที่ชาวมอแกนทำขึ้นและนำมาวางขายกับนักท่องเที่ยวในราคาไม่แพง มีทั้งเครื่องประดับ สร้อยข้อมือ ข้อเท้า งานแกะสลักไม้ เรือไม้ ฯลฯ
ถ้าใครอยากมาสัมผัสบรรยากาศทะเลแสนงาม ชมโลกใต้ทะเลแหล่งดำน้ำตื้นที่ถือว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งในไทย และกางเต็นท์รับลมทะเลสุดชดชื่น ช่วงเวลานี้ถือว่าเหมาะสมอย่างยิ่ง และหากมาท่องเที่ยวอย่าลืมปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัดทุกครั้ง
###########################################
การเดินทางมายังหมู่เกาะสุรินทร์จากพังงานั้นสามารถนั่งเรือได้จากหลายท่าเรือ อาทิ ท่าเรือบ้านน้ำเค็ม ท่าเรือทับละมุ และท่าเรือคุระบุรี แต่ท่าเรือที่เดินทางมาหมู่เกาะสุรินทร์ได้ใกล้ที่สุดก็คือท่าเรือคุระบุรี โดยเรือสปีดโบทใช้เวลาประมาณ 1.15 นาทีสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ โทร. 0-7647-2145
###########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ [email protected] หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline