จากนั้นเคลื่อนขบวนไปจังหวัดสงขลา ซึ่งที่นี่มีระดับผู้บริหารของพรรคถึง 2 คน ได้แก่ นิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคดูแลภารกิจ และ เดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคดูแลภาคใต้
อันที่จริงต่างฝ่ายต่างลงพื้นที่ก็จะไม่มีใครสนใจเท่าไหร่ แต่แล้ว โกสุทธิ์-สฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย ก็เปิดศึก ประชาธิปัตย์ ตามประสาคู่แข่งในสนาม
ร้อนถึง ราเมศ รัตนะเชวง ในฐานะโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ต้องออกมาปกป้องต้นสังกัด เพราะโดนโจมตีว่าประชาธิปัตย์ไม่มีผลงาน
อีกทั้ง หัวหน้าจุรินทร์ ถูกพาดพิงว่าไม่มีความรับผิดชอบในการจัดการปัญหาตัวผู้สมัคร ส.ส.ในพังงาด้วย ซึ่งเขตที่ยังไม่ลงตัวก็คือเขตที่ “ราเมศ” ประสงค์จะลง แว่วว่าพรรคจะตัดสินด้วยการทำโพลสำรวจความนิยมในหมู่ประชาชน ใครฮอตสุดคนนั้นก็จะได้ลงสมัคร ส.ส.
วนกลับมาที่การทำหน้าที่ชี้แจง โทรโข่งราเมศ บอกว่า การกล่าวหาของสฤษฏ์พงษ์ คือจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งในเรื่องแนวคิด การมากล่าวหาว่าประชาชนให้โอกาสพรรคเก่ามา 30 ปี ไม่มีผลงาน จุดเริ่มต้นคำพูดมันทำให้เห็นว่าเป็นการเมืองที่ย้อนยุคไปมาก และถ้าไม่มาพาดพิงพรรคก่อนก็ไม่อยากจะไปตอบโต้ให้เสียเวลาและไม่เกิดประโยชน์
“พี่น้องชาวปักษ์ใต้ทราบดีว่าประชาธิปัตย์ได้ทำอะไรให้ การวางโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคม รถไฟทางคู่ ถนนสี่ช่องจราจร พัฒนารายจังหวัดให้มีศักยภาพในด้านการท่องเที่ยว ราคายาง ราคาปาล์ม ประชาชนยังจดจำผลงานต่างๆ ที่ทำสิ่งดีๆ ให้ประชาชนมากมาย ลูกหลานไปโรงเรียนได้ดื่มนม มีอาหารกลางวัน ได้กู้ยืมเงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) อยากถามว่าเมื่อครั้งที่รัฐบาลทักษิณ รัฐบาลยิ่งลักษณ์เลือกปฏิบัติ จนภาคใต้ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการจัดสรรงบประมาณ พรรคไหนที่ต่อสู้ ก็พรรคประชาธิปัตย์อีกที่ต่อสู้ เรื่องการไม่สร้างศูนย์ประชุมที่ภูเก็ต เรื่องถนนหนทางไปภาคใต้ ที่ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณที่เป็นธรรม ถามว่าตอนนั้นคนที่กล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์ไปอยู่ที่ไหน”
มินนี่เมาธ์